หลวงพ่อเทียม เกิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่ออายุประมาณ 10 ปี บิดามารดาได้นำหลวงพ่อเทียมไปฝากไว้ที่วัดกษัตราธิราชเพื่อเรียนหนังสือ ท่านได้รับการสอนทั้งภาษาไทยและภาษาขอม รวมถึงวิชาช่างต่างๆ เช่นช่างไม้และช่างแกะสลัก
จากนั้น ท่านยังได้เรียนรู้วิชาไสยศาสตร์จากบิดาและลุง รวมถึงศึกษาธาตุกสิณเพื่อฝึกสมาธิ หลวงพ่อเทียมได้อุปสมบทเมื่ออายุ 20 ปี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2467 ณ พัทธสีมาวัดกษัตราธิราช โดยมีพระครูวินยานุวัติคุณ (มาก อินทโชติ) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบท
ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยที่สำนักเรียนวัดเสนาสนาราม และวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์หลายรูป เช่น หลวงพ่อสี วัดสนามชัยและหลวงพ่อม่วง วัดโบสถ์ ท่านยังศึกษาวิทยาคมจากอาจารย์จาบ แห่งวัดโบสถ์ ผู้เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์สายวัดประดู่ทรงธรรม จนเชี่ยวชาญวิชาต่างๆ เช่น การเป่าพ่นปลุกเสกและการลงเลขยันต์
หลวงพ่อเทียมได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราชในปี พ.ศ. 2496 หลังจากที่ท่านพระครูไพจิตรวิหารการลาสิกขา ท่านมีบทบาทสำคัญ ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดกษัตราธิราช, ทั้งในด้านการก่อสร้างและการดูแลชุมชน โดยท่านได้ลงมือทำงานก่อสร้างด้วยตัวเอง แม้ในช่วงที่ท่านอาพาธด้วยโรคอัมพาต
ท่านก็ยังคงนั่งรถเข็นตรวจงานภายในวัดด้วยความทุ่มเทและไม่ย่อท้อ
วัตถุมงคลที่ท่านสร้างได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะตะกรุดมหาระงับ ที่มีชื่อเสียงในด้านความเข้มขลัง ในด้านพุทธคุณคุ้มครอง ป้องกันภัย
และแคล้วคลาดจากอันตราย